White Noise

White Noise คลื่นเสียงของความกลัวตาย

                 White Noise ภาพยนตร์ตลกร้ายของ Noah Baumbach ที่เพิ่งลงฉายทาง Netflix ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนวนิยายปี 1985 ของ Don DeLillo ตัวหนังนำเสนอแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ ลัทธิบริโภคนิยม ทฤษฎีสมคบคิด และสภาวะอุปทานหมู่ หรืออีกหลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์ ทั้งความตายและความกลัว ที่คละเคล้ากันเป็นความโกลาหลขนาดย่อม และอาจมีประเด็นที่เชื่อมโยงมายังวัฒนธรรมของเราที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงยุค 2020s อย่างปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจาก เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ซึ่งไม่ค่อยมีความสงบและความสุขมากนัก แต่แล้วก็ต้องมาเจอกับเหตุการณ์สารพิษที่ปนเปื้อนในอากาศ และนั่นก็มีความใกล้เคียงกับเหตุการณ์โรคระบาดแบบในยุคปัจจุบันของเรา

            เปิดเรื่องมาได้อย่างน่าสนใจและดี เมื่อศาสตราจารย์ที่ชื่อ Murray Siskind (รับบทโดย Don Cheadle) กำลังสอนนักศึกษาด้วยการนำเสนอฉากรถชนกันในภาพยนตร์ เขาอธิบายให้เราเข้าใจถึงฉากรถชนในหนังอย่างผ่อนคลายและเข้าใจง่าย ว่าด้วยการรับรู้ต่อภาพเหตุการณ์และความสัมพันธ์กับผู้ชม เขากล่าวว่าฉากรถชนกันในหนังเป็นประเพณีของการมองโลกในแง่ดีที่มีมายาวนานของอเมริกัน ซึ่งผู้ชมก็เพียงแค่มองข้ามความรุนแรงไป เพราะหากเราเห็นเหตุการณ์รถชนจริงๆ ในชีวิตประจำวันเราคงไม่รู้สึกแบบดูในหนังแน่นอน อย่างไรก็ตาม ฉากเปิดเรื่องนี้เป็นเหมือนการบอกใบ้ในช่วงกลางเรื่องที่จะนำไปสู่หายนะบางอย่าง และเหมือนเป็นการขอให้ผู้ชมจินตนาการว่าพวกเขาจะทำอย่างไรหากติดอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน

White Noise

เรื่องย่อ

         เรื่องราวหลากมิติที่ทั้งน่าขำและน่ากลัว งดงามและไร้สาระ สามัญและสิ้นโลก เกิดขึ้นในยุค 1980 กับครอบครัวอเมริกันของ Jack Gladney (Adam Driver) และ Babette Gladney (Greta Gerwig) พ่วงด้วยลูกๆ วัยกำลังโตของพวกเขา ที่อยู่มาวันหนึ่งก็ต้องเผชิญกับอันตรายจากอากาศเป็นพิษ  Jack เป็นอาจารย์ประจำวิชาระบอบนาซีขั้นสูง ผู้ถ่ายทอดเรื่องเล่าของฮิตเลอร์ สงคราม และความรุนแรง ด้วยวาทศิลป์น่าสนใจ แต่อีกด้านหนึ่ง เขาอ่อนไหวอย่างยิ่งยวดกับความไม่แน่นอน ภัยคุกคาม สังคมบริโภคนิยม ข้อมูลข่าวสารเท็จ ไปจนถึงความลับของภรรยาที่ล้วนแล้วแต่ชวนให้ความ ‘กลัวตาย’ คืบคลานมาหลอกหลอนมากขึ้นทุกวัน

        ภาพยนตร์ถูกแบ่งออกเป็น 3 องก์ด้วยกัน โดยในองก์แรกอาจเรียกได้ว่าเป็นการเสียดสีสถาบันการศึกษาหรือองก์ความรู้ต่างๆ เราจะเห็นได้ว่ามีการพ่นทฤษฎีความรู้ออกมามากมายทั้งกลุ่มอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย และครอบครัวของตัวละครนำ ที่ประกอบไปด้วยศาสตราจารย์ Jack Gladney (รับบทโดย Adam Driver) หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่ศึกษาเจาะลึกเกี่ยวกับฮิตเลอร์ และภรรยาของเขา Babbette (รับบทโดย Greta Gerwig) ทั้งคู่มีลูกด้วยกันและลูกติดของทั้งคู่ ซึ่งเป็นแบบผสมผสานสุดงง และรวมทั้งหมดแล้วมี 4 คนด้วยกัน ครอบครัวนี้อาจเป็นตัวแทนของครอบครัวอเมริกันในชีวิตประจำวัน ที่พยายามจะหลุดพ้นจากปัญหาชีวิตที่ครอบงำโดยนักปรัชญาในประวัติศาสตร์ โดยมีฉากหนึ่งที่ Babbette และ Jack ได้พูดคุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความสุขที่พวกเขาได้รับ โดยตั้งคำถามว่าพวกเขาทั้งคู่ใครควรตายก่อนกัน?

White Noise

รีวิว

                 รีวิวหนังWhite Noiseหนังที่ออกแนวติสๆ ของผู้กำกับ  Marriage Story ซึ่งคำว่าติสในที่นี้ไม่ใช่หนังที่ดูยากอะไร แต่มันคือหนังที่ดูแล้วผู้ชมอาจจะไม่เข้าใจว่าผู้กำกับจะเล่าจะสื่ออะไรมากกว่า เมื่อเรื่องราวหลักของหนังจากพล็อตเรื่องครึ่งแรกกับครึ่งหลังแทบจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ครึ่งหลังของเรื่องคือชีวิตครอบครัวที่ต้องเจอกับเรื่องประหลาดที่ช่วงแรกเนื้อเรื่องตั้งใจทิ้งไว้ให้สงสัยว่า แม่กินยาอะไร ที่บลูกๆ พยายามหาคำตอบ จนในที่สุดคำตอบนั้นก็ถูกเผยออกมาเป็นอะไรที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่ประหลาดพิลึก เกี่ยวกับความตายที่เป็นประเด็นของเรื่อง แล้วก็กลายเป็นเรื่องดราม่าตลกๆ จบแบบสวยๆ ออกเพี้ยนๆ พาให้ผู้ชมที่ดูมาทั้งเรื่องคงงงๆ เหมือนกันว่านี่มันหนังอะไร ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมากครับเพราะนี่เป็นผลงานที่ติสๆ ติดตลกเสียดสีชีวิตกับความตายแค่นั้นแหละ 

      ปัญหาของเรื่องจริงๆ มันคือการพยายามให้คนงงกับหลายเรื่องปนๆ กันมากไปหน่อย คือแทนที่จะโฟกัสแค่ 2 เรื่องราวหลักที่เล่าไว้ แต่ตัวเรื่องพาไปชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะซูเปอร์มาเก็ต มันเลยทำให้ผู้ชมคงค่อนข้างงงว่าใส่มาทำไม ซึ่งอาจจะมีนัยยะอะไรก็ตาม แต่มันก็ยังไม่ค่อยเข้ากับเรื่องหลักสองช่วงที่นำเสนอนัก พาลให้มุกตลกในเรื่องไม่ค่อยขำ ออกแนวลึกเกินไป (แต่บางจุดก็ขำใช้ได้) ซึ่งรวมๆ แล้วเหมือนมาดูอดัม ไดร์เวอร์กับเกรตา เกอร์วิก เล่นซะมากกว่าตัวบทเรื่องราวจริงๆ

White Noise
สรุป

              ดูหนังWhite Noise เหตุการณ์ประหลาดของภาพยนตร์ ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์รถไฟชนรถบรรทุกที่เกิดขึ้นในเรื่องเพียงเท่านั้น แต่ความประหลาดมันยังเกิดขึ้นในทุกๆ ส่วนของหนังที่ฉายมาให้เราเห็นแม้ว่าบางครั้งมันก็อาจจะเกิดขึ้นจริงกับมนุษย์อย่างเราๆ อย่างเช่น Jack ได้รับสารพิษในอากาศ ซึ่งเขารับรู้จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถืออย่างน่ากลัวว่าเขาจะต้องตายในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ส่วน Babette ก็กลัวความตายของเธอเองเช่นกัน เธอมีอาการภาวะสมองเสื่อมระยะแรก จนทำให้เธอก้าวถลำไปติดยาลึกลับที่ชื่อไดลาร์ หรือหากเราย้อนไปในยุคก่อนจะมี YouTube เด็กๆ ของครอบครัว Gladney ต่างก็หมกมุ่นอยู่กับภาพเครื่องบินตกในข่าวทีวี และเฝ้ารอมันอย่างกระวนกระวายเพื่อให้ภาพปรากฏอีกครั้ง เป็นต้น

            ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนรีวิวจึงมองว่าความตายเหมือนจะเป็นระดับของความรุนแรงของภาพยนตร์เรื่องนี้ ภายใต้วิกฤตที่เกิดขึ้นในเขตชุมชนและความตลกร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตคู่และครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาของเราในยุคโควิดนี้เอง ที่ทำให้ “การกลัวตาย” เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ท่ามกลางข่าวลือและการคาดเดาต่างๆ นานา หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าตัวละครจะรู้สึกกลัวตาย แต่ในเวลาเดียวกันก็เลือกเสพมันเพื่อเป็นหลักประกันเดียวของความมั่นคงในชีวิตของพวกเขา เหมือนการดูฉากรถชนกันในหนังนั่นเอง

รับชมตัวอย่างหนัง : White Noise คลื่นเสียงของความกลัวตาย

ติดตามรีวิวหนังเพิ่มเติมได้ที่ : เว็บดูหนังยอดฮิต

ติดตามจัดอันดับหนังได้ที่ :  ดูหนังตลก

รับชมหนังฟรีออนไลน์ได้ที่ : ดูหนังWhite Noise

เพิ่มเติมรีวิวหนังน่าดู : matilda the musical